แชร์ประสบการณ์ ช็อกโกแลตซีสต์ 2 ข้าง ตัดรังไข่ 1 ข้าง ตั้งครรภ์ได้ด้วยแพทย์แผนจีน
Welcome to the world น้องอคิน
คุณแม่น้องอคิน แชร์ประสบการณ์การรักษามาให้ครับ ขอบคุณมากที่เชื่อใจหมอเชนและหยินหยางคลินิกนะครับ ^^
ดิฉันปล่อยมีลูกตั้งแต่ปี 2555 ตอนนั้นอายุ 25 ปี ค่ะ และในปี 2558 ตรวจพบว่าเป็นซีสต์ที่รังไข่ข้างขวา ประมาณ 12 ซม. ต้องผ่าตัดด่วนโดยผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้องเพราะก้อนซีสต์มีขนาดใหญ่ และต้องตัดรังไข่ข้างขวาทิ้ง
จนวันที่ทำการผ่าตัดเสร็จเรียบร้อย หมอบอกว่าไม่สามารถมีลูกได้เองด้วยวิธีธรรมชาติ ต้องไปทำเด็กหลอดแก้วอย่างเดียว เนื่องจากรังไข่ข้างซ้ายที่เหลือก็ตรวจพบว่ามีซีสต์อยู่ในรังไข่อีก 2 ก้อน ขนาดประมาณ 2 – 3 ซม. และรังไข่ถูกพังผืดเกาะรัดจนบิดเบี้ยว เสียหาย ทำให้เชื้ออสุจิเดินทางไปไม่ถึงรังไข่
หลังออกจากโรงพยาบาล หมอให้หยุดพักฟื้น 1 เดือน ขอบอกว่า จิตตกมาก เพราะตอนนั้นอายุเพิ่งจะ 28 ปี และอยากมีลูกมาก ซีสต์ก็ยังไม่หาย หลังจากผ่าตัดรังไข่ข้างขวาทิ้งไปได้ 3 เดือน ก็ปวดท้องประจำเดือนอีก จนต้องเข้าโรงพยาบาล ผลคือ ซีสต์ที่บริเวณรังไข่ข้างซ้ายแตก และมีซีสต์เพิ่มมาอีก 2 – 3 ก้อน
ต่อมาในปี พ.ศ. 2559 ดิฉันจึงได้หาข้อมูลเกี่ยวกับแพทย์ทางเลือกและยาจีน จนได้มาพบเพจของหมอเชน จึงได้ส่งประวัติไปปรึกษาคุณหมอ เริ่มต้นจากการรักษาซีสต์ก่อน โดยหมอเชนให้ยาเม็ดแคปซูลเพื่อรักษาซีสต์และพังผืด และบอกวิธีการปฏิบัติตนเอง ซึ่งก็ทำตามแบบเคร่งมาก และก็ออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย บางเดือนก็กินยาคุมด้วย คือเอาทุกทาง
ทำแบบนี้อยู่ได้ประมาณครึ่งปี ก็ไปตรวจติดตามอาการ โดยการอัลตราซาวด์ตรวจสอบก้อนซีสต์ ผลปรากฏว่า ก้อนที่มีขนาด 3 ซม. ลดลงเหลือ 1 ซม. เท่านั้น ส่วนอีกก้อนที่มีขนาด 1 ซม. กว่า ๆ ฝ่อหายไปเลยค่ะ ซึ่งตอนนั้นดีใจมาก จึงปรึกษาหมอว่า อยากลองปล่อยมีน้องด้วยวิธีธรรมชาติ หมอจึงให้ไปฉีดสีดูท่อรังไข่ว่าตันไหม ผลปรากฏว่า ท่อรังไข่ไม่ตัน จึงเริ่มปฏิบัติการตามคำแนะนำของหมอทันที และก็แจ้งผลการฉีดสีกับหมอเชนด้วย ซึ่งหมอเชนก็เปลี่ยนตัวยาให้กิน เป็นแบบปล่อยตั้งครรภ์และควบคุมซีสต์ไปด้วยแต่ก็ยังไม่สำเร็จ
ในปี 2560 เป็นต้นมา ดิฉันเริ่มดูแลตัวเองจริงจังมากขึ้นกว่าเดิม หาข้อมูลการออกกำลังกาย เพราะเป็นคนที่ไม่ค่อยจริงจังกับการออกกำลังกายเลย คือไปแค่วิ่ง ๆ แล้วก็หยุดไปเป็นอาทิตย์ เข้าฟิตเนส 1 – 2 วัน แล้วก็หยุดไปหลายวัน จนมาเจอกับโยคะ ซึ่งรู้สึกหลงรักและจริงจังกับการฝึกมาก และก็กินยาหมอเชนควบคู่ไปด้วย
ก่อนลุกจากที่นอนทุก ๆ เช้า ก็ไม่ลืมที่จะวัดอุณหภูมิร่างกายตัวเอง และบางเดือนมีการเทสต์ไข่ตกบ้าง บางเดือนเจอ บางเดือนไม่เจอ ทำแบบนี้เป็นประจำอยู่ปีกว่า ๆ
ต้นปี พ.ศ. 2561 มีความคิดที่อยากจะมีลูกกลับเข้ามาในหัวอีกครั้ง จึงปรึกษากับหมอเชน ซึ่งหมอก็จัดยามาให้และแนะนำเรื่องการปฏิบัติตัวเช่นเคย จนกระทั่งเดือน มิถุนายน 2561 เดือนนี้ได้ลองเทสต์ไข่ตก ซึ่งผลคือไม่เจอไข่ตก แต่ก็ยังคงวัดอุณหภูมิตอนเช้าทุกวัน
มีอยู่วันนึงหลังจากที่ ปจด. หมดไปแล้วได้ประมาณ 5 วัน อยู่ ๆ ตอนกลางคืนก็มีเลือดออกมาคล้าย ๆ เลือดประจำเดือน ออกมาประมาณครึ่งแผ่นอนามัย แล้ววันรุ่งขึ้นก็หยุด แต่ก็งง ๆ กับชาร์ตอุณหภูมิอยู่ว่า ทำไมใกล้ประจำเดือนมา แต่อุณหภูมิยังไม่ลด จนกระทั่งใกล้วันที่ประจำเดือนจริงจะมา ก็มีเลือดออกมาคล้าย ๆ ประจำเดือน พอถึงวันที่ ปจด. ควรจะมา แต่มันก็ไม่มา ในใจก็คิดว่าเอ๊ะ!! รึจะมีข่าวดี เลยคิดว่าเดี๋ยวตอนเย็นจะไปแวะซื้อที่ตรวจไปตรวจ
แต่พอตอนบ่ายเข้าห้องน้ำก็แทบร้องไห้ เพราะเลือดออก เลยคิดว่าสายมโนอีกแล้วเรา มันไม่สำเร็จอีกแล้ว วันรุ่งขึ้น ปจด. ก็ยังไม่มา ก็เริ่มกระวนกระวายมาก เพราะมีอาการเลือดออกกระปริดกระปรอยมา 5 วันแล้ว และก็เลยวันที่ ปจด. ควรจะมา 2 วันแล้ว จึงเริ่มหาข้อมูลและสงสัยว่าตัวเองจะเจอภาวะแท้งคุกคาม จึงไปซื้อที่ตรวจครรภ์มาตรวจในตอนเช้า
และแล้วก็เช้า ซึ่งวันนี้ตื่นเช้ามากกกกก มากว่าปกติ ตื่นก่อนนาฬิกาปลุก จำได้ว่าตอนนั้นเวลาตี 5 กว่า ซึ่งก่อนลุกจากที่นอนก็ไม่ลืมที่จะวัดอุณหภูมิของร่างกายก่อน ผลคือ 36.9 เราแบบว่าตาโตลุกวาวเลย แล้วรีบดีดตัวออกจากที่นอนอย่างรวดเร็วเพื่อเข้าห้องน้ำ ตอนรอผลว่ามันจะเปลี่ยนเป็น 2 ขีดมั้ย คือแบบว่าสั่นไปหมด แล้วมันก็ 2 ขีดจริง ๆ แต่ขีดมันจางมาก ๆ เลยเอาอีกยี่ห้อมาตรวจ เป็นแบบจุ่ม ซึ่งมันก็ 2 ขีด แต่มันขึ้นจางเหมือนกัน เลยส่งรูปไปถามเพื่อนๆ ในกลุ่มเฟส เค้าบอกแบบนี้ตั้งครรภ์แล้ว เราแบบน้ำตาไหลพรากแบบดีใจมาก รอคอยมา 6 ปี วันนี้ฉันท้องแล้ว ฉันท้องแล้วจริง ๆ หรา ฉันท้องจริง ๆ ใช่มั้ย พูดอยู่คนเดียวหน้าห้องน้ำ 555
เมื่อ สามี ตื่น!! ก็รีบบอกกับเค้าเลยว่า “ป๊า….หนูท้อง” แล้วก็ยื่นที่ตรวจครรภ์ให้ดู เค้าก็แบบทำหน้า งง ๆ งัวเงีย ๆ แบบว่าคนเพิ่งตื่นนอน พอเค้าเห็นที่ตรวจครรภ์ ก็แบบ “จริงดิ!!” แล้วก็กอดกัน ดีใจ
แต่ก็ยังไม่มั่นใจ 100% เลยรีบไป รพ. เพื่อตรวจเลือด ผลคือท้องค่ะ!! หลังจากนั้นก็ไปพบหมอ เพื่อฝากครรภ์ทันที
ช่วงระยะเวลาที่ตั้งครรภ์ ต้องบอกเลยว่า หินสุด ๆ ไม่ได้ใช้ชีวิตเหมือนคนท้องปกติทั่วไปเลย ช่วงแรก ๆ ของการตั้งครรภ์ จะมีเลือดออกกระปริดกระปรอยตลอด ก็รีบพบหมอ หมอบอกว่าเป็นภาวะแท้งคุกคาม ให้ทานยากันแท้ง ห้ามเดิน ห้ามนั่งรถไกล ๆ ซึ่งเดินมากก็ไม่ได้จริง ๆ เดินเยอะปุ๊บ เลือดออกปั๊บ มาทำงานคืออยู่ที่โต๊ะ กับเดินเข้าห้องน้ำแค่นั้น แฟนไปรับ ไปส่งตลอด จนคลอด ไม่ให้ขับรถเองเลยตั้งแต่ท้อง
พอตั้งครรภ์ได้ 4 เดือน ตรวจพบว่ามีภาวะรกเกาะต่ำ แต่หมอบอกให้รอดูตอนใกล้คลอด รกอาจลอยขึ้นมา ซึ่งช่วงนี้ก็ใช้ชีวิตลำบากไปอีก ซึ่งเราก็กลัว ไม่รู้ว่าจะเป็นแบบไหน รุนแรงไหม
ช่วงตั้งครรภ์ได้ 7 เดือนกว่า ๆ อยู่ ๆ ก็มีเลือดสีแดงสดออกมา จากที่ไม่มีเลือดออกเลยตั้งแต่ตอน 7 วีค คือตกใจสุดขีด รอเช้าก็รีบไปหาหมอ ที่ รพ. หมอก็ให้นอนดูอาการ 1 คืน และให้ยากันคลอด และให้หยุดงานครึ่งเดือน และให้นอนนิ่ง ๆ ให้มากที่สุด หลังครบกำหนดลางาน ก็กลับมาทำงานได้ 3 วัน ก็มีเลือดออกอีก ตอนนั้นอายุครรภ์ได้ 35 วีค คราวนี้หมอให้นอนนิ่ง ๆ ไม่ให้ลุกจากเตียง ให้นอนขับถ่ายบนเตียงเลย ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ทรมานที่สุด
นอน รพ. จนถึงอายุครรภ์ได้ 36 วีค คุณหมอเห็นว่าอยากกลับบ้าน และอาการน่าจะประคับประคองได้ถึง 37-38 วีค จึงให้กลับไปนอนนิ่ง ๆ เหมือนอยู่ รพ. วันนั้นวันที่ 1 ก.พ. 2562 ออกจาก รพ. ตอนเวลาประมาณ 15.00 น. ถึงบ้านประมาณ 16.00 น. ก็อาบน้ำ กินข้าว แล้วก็นอนเล่น พอเวลาประมาณ 2 ทุ่มก็เข้านอน แล้วก็ตั้งนาฬิกาปลุกกินยากันคลอด ตอนเวลา 22.00 น.
หลังจากตื่นมากินยาแล้วก็นอนหลับต่อ พอเวลาประมาณตี 1 รู้สึกว่าเลือดออก ก็พยายามนอนนิ่ง ๆ ไม่ขยับตัว แล้วเลือดก็ไหลออกมาอีก คราวนี้รู้เลยว่าเลือดออกเยอะกว่าปกติ ก็รีบค่อย ๆ พยุงตัวลุกเข้าห้องน้ำเพื่อดูปริมาณเลือด พอลุกจากเตียงเข้าห้องน้ำเลือดก็ไหลออกมาเร็วมาก ไหลแบบเปิดก๊อก ก็เรียกทุกคนในบ้าน คนที่บ้านก็รีบพาไป รพ. ทันที ตอนนั้นเลือดออกเยอะมาก ๆ ประมาณเกือบ 1 ลิตร ตอนนั้นรู้สึกตัวเย็นมาก และก็หนาวมาก หนาวสั่นเข้ากระดูก ตอนนั้นถึง รพ. ประมาณ ตี 2 กว่า ๆ พยาบาลก็รายงานหมอที่หนูฝากพิเศษทันที พยาบาลติดเครื่องฟังอัตราการเต้นหัวใจของน้อง ซึ่งน้องหัวใจเต้นดรอปลงมาอยู่ช่วงหนึ่ง แล้วก็กลับมาเต้นดี และก็นอนดูอาการรอผ่าคลอดทันที
กำหนดผ่าคลอดน้องเช้าวันที่ 2 ก.พ. 2562 เวลา 10.43 น. อายุครรภ์ 36 วีค 2 วัน น้ำหนักน้องแรกเกิด 2,250 กก. น้องตัวเล็ก แต่แข็งแรง ไม่ซีด ไม่เหลือง และน้องไม่โดนอบ พยาบาลเอาน้องไปสังเกตอาการ 1 คืน และวันรุ่งขึ้นก็เอาน้องมาส่งเลยค่ะ ซึ่งวินาทีแรกที่เห็นหน้าลูกคือดีใจมาก ดีใจจนลืมความเจ็บปวด ลืมเหตุการณ์ทั้งหมดที่ฝ่าฟันมาเลยค่ะ
สุดท้ายนี้หนูขอขอบคุณ คุณหมอเชน มาก ๆ นะคะ ที่คอยให้คำปรึกษาในเรื่องการรักษา และช่วยวางแผนการรักษา ปรับยาให้ ทั้ง ๆ ที่เราก็ไม่เคยเจอหน้ากันเลย แต่ก็พยายามจนทำให้หนูมีวันนี้ได้ ต้องขอขอบคุณมาก ๆ ค่ะ
ทำนัดปรึกษาเพิ่มเติมได้ที่ 094-794-6006
หรือ เข้าเยี่ยมชม Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/chenyinyangclinic
หยินหยางคลินิก 999/1-2 ถนนรัชดา-รามอินทรา แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กรุงเทพ 10230